ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

รับเข้าหัว Fiber Optic , Fusion Splice , ซ่อม Fiber Optic , Splice สาย fiber , สไปย์สาย fiber , สไปย์สาย ไฟเบอร์ , เข้าหัว ไฟเบอร์

รับเข้าหัว Fiber Optic , Fusion Splice , ซ่อม Fiber Optic , Splice สาย fiber , สไปย์สาย fiber , สไปย์สาย ไฟเบอร์ , เข้าหัว ไฟเบอร์
ลดราคา บอกจาก Facebook ข้างล่าง ตาราง อีก10-20 %
คุณลักษณะของสาย Fiber Optic แบบ Singlemode ที่ใช้อุปกรณ์รับส่งข้อมูล แบบ Laser Source (ส่งข้อมูลได้ไกลไม่เกิน 40 km) สายแบบ Multimode ที่ใช้อุปกรณ์รับส่งแบบ LED Source (ส่งข้อมูลได้ไกลไม่เกิน 2 km) ทำให้ผู้ออกแบบระบบเครือข่ายสามารถขยายเส้นทางของกลุ่มผู้ใช้งานจากเดิมออกไปได้ แต่ต้องไม่เกินข้อกำหนดข้างต้น ซึ่งการตัดต่อสาย Fiber Optic สามารถกระทำได้ 2 ลักษณะหลัก ๆ คือ การเชื่อมต่อแบบชั่วคราวและแบบถาวรครับ สำหรับแบบชั่วคราว เป็นการเชื่อมสายใยแก้วให้มีความยาวเพิ่มเติมโดยทำการเข้าหัว Connector กับสายเดิม และสายเส้นใหม่ที่ต่อความยาวเพิ่มออกไป แล้วจึงใช้อุปกรณ์ Coupling (ตัวเมีย 2 ด้าน) เชื่อมหัว Connector ทั้ง 2 หัวเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งการเชื่อมต่อนี้อาจจะพักอยู่ภายในอุปกรณ์พักสายสัญญาณ (WALL MOUNT ENCLOSER)
หรือนำสายสัญญาณเส้นเก่าและใหม่พักไว้ในอุปกรณ์พักสายสัญญาณแบบติดตู้ RACK (RACK MOUNT ENCLOSER) แล้วใช้สาย Fiber Optic Patch Cord Cable เชื่อมสาย Fiber ทั้ง 2 เส้นเข้าหากัน ซึ่งการทำในลักษณะนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มความยาวของระบบเครือข่ายปลายทางแล้ว ยังสามารถดูแลรักษาและสำรองเส้นทางของสาย Fiber ได้ ถ้าหากมีเส้นใดเส้นหนึ่งขาดไปโดยทำการสลับเส้นที่ใช้สาย Patch Cord เชื่อมโยงกันไป แต่ทว่าควรคำนึงถึงค่าลดทอนของระบบ ว่าไม่ควรเกินมาตรฐานที่กำหนด
สำหรับแบบถาวร เป็นการเชื่อมสาย Fiber Optic โดยทำการนำสายใยแก้วเส้นเดิมและเส้นใหม่ หลอมให้ติดเป็นแท่งแก้วเส้นเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า “Splice” สาย Fiber Optic ซึ่งให้ความสำคัญตั้งแต่ การตัดให้หน้าตัดสายทั้ง 2 เส้น เรียบ,ตรง จากนั้นทำการวางสายทั้งสองเส้นให้ตรงกัน จากนั้นก็หลอมสายทั้ง 2 เส้นให้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “Fusion Splice” แล้วใส่อุปกรณ์ป้องกันสายสัญญาณอีกชั้นหนึ่งเพื่อความแข็งแรง ซึ่งวิธีการแบบนี้ให้ความแข็งแรงในการเชื่อมต่อเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเกิดค่าลดทอนของสายบริเวณรอยต่อ ประมาณ 0.1 dB ซึ่งน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบชั่วคราว ซึ่งมีค่าประมาณ 0.75 dB
สำหรับการเชื่อมต่อสายสัญญาณ Fiber Optic โดยการ Splice จะนิยมมากในวงการติดตั้งสายสัญญาณโทรคมนาคม ที่มีการเชื่อมต่อเป็นระยะไกล และค่าลดทอนของสายสัญญาณไม่มากนัก เช่นเดียวกัน วงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จะใช้งาน Splice ในการเชื่อมโยงสาย Fiber Optic แล้ว ยังคงเชื่อมระหว่างสาย Fiber Optic กับสาย Pigtail ซึ่งเป็นสายใยแก้วที่เชื่อมกับหัว Connector สำเร็จรูปมาจากโรงงาน ซึ่งมีการควบคุมความแข็งแรง ค่าลดทอน ได้มาตรฐานมาจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง ดังนั้น ประโยชน์ของการเชื่อมต่อสาย Fiber Optic จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายและผู้ที่ออกแบบ สามารถปรับปรุงและสร้างสรรค์ระบบเครืองข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดทรัพยากรได้อีกทางหนึ่ง
ขอบคุณ สายยี่ห้อ LINK
ทำไมต้องแยกใช้สาย Fiber Optic INDOOR/OUTDOOR ?
ทำไมถึงต้องใช้สาย INDOOR/OUTDOOR ?
จากการติดตั้งสาย OUTDOOR ของประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเดินสาย OUTDOOR จากภายนอกและเดินเข้าภายในอาคารเลย ซึ่งตามข้อกำหนดสากลนั้น สาย OUTDOOR จะมีข้อเสียอยู่หนึ่งข้อคือ ลามไฟซึ่งไม่เหมาะสมกับการเดินภายในอาคาร ดังนั้นเพื่อความถูกต้องจึงนิยมใช้สาย INDOOR-OUTDOOR มาเดินแทนสาย OUTDOOR โดยจะมีราคาเพิ่มขึ้นไม่มาก
สายไฟเบอร์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
โครงสร้างของสาย Fiber Optic นั้น จะมีชั้นของ Jacket ทีละชั้น มีดังนี้
1. เส้นแก้ว (Optical Core) ซึ่งเป็นตัวนำสัญญาณ จะมีขนาดและเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 mm, 50 mm และ 62.5 mm
2. ฉนวนเคลือบ (Codding) เป็นสารเคลือบแก้วให้นำสัญญาณได้ นิยมเคลือบจนแก้วมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 125 mm
3. ฉนวนป้องกัน (Coating) เป็นเสมือนผนังของเส้นแก้วที่เคลือบให้ปลอดภัยขึ้น และใส่สีที่ผนังชั้นนี้ ซึ่งจะเคลือบจนมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 250 mm
4. ปลอกสาย (Buffer) เป็นเสมือนปลอกสาย หรือเสื้อชั้นในที่หุ้มป้องกัน มักมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 900 mm (นิยมเรียก Buffer Tube)
5. ปลอกหุ้ม (Jacket) เป็นเสมือนเสื้อนอกที่ใส่ให้เกิดความเรียบร้อย ฉนวนชั้นนี้จะมีความแตกต่างตามการใช้งานได้แก่ Indoor, Outdoor เป็นต้น
สาย Ext Grade คืออะไร?
Ext Grade ย่อมาจาก Extend Grade หมายถึง เส้นแก้ว Optical ที่นำมาผลิตสาย Fiber Optic เป็นแก้วที่มีคุณภาพสูง มีความเป็นระเบียบในการจัดแสงที่ผ่านไปในตัวแก้ว ทำให้ลดการสูญเสีย ในการส่งสัญญาณได้ดี เลือกสายแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งานนี้
1. Duct Cable คือ สาย Outdoor ประเภทหนึ่งที่ออกแบบโครงสร้างไม่มีส่วนใดเป็นตัวนำไฟฟ้า (All-Dielectric) ซึ่งจะมีคุณสมบัติกันฟ้าผ่า และจะมีแกนกลางที่ออกมารับโครงสร้างให้แข็งแรง การใช้งานจะนำไปร้อยในท่อ HDPE หรือท่อเหล็ก
2. Direct Burial คือ สายที่ถูกออกแบบมาให้สามารถฝังดินได้ โดยไม่ต้องร้อยท่อ Conduit ส่วนใหญ่จะมี Steel Armored ป้องกันสายภายใน
3. สาย Fig 8 คือ เป็นสายที่เดินในอากาศ (Aerial) โดยลักษณะโครงสร้างของสายจะเหมือนเลข 8 โดยด้านบนของเลข 8 จะเป็น Sling ที่ใช้แขวนสาย และมี Steel Armor กันสัตว์แทะ
4. ADSS ย่อม่าจาก All Dieletic self support กล่าวคือ เป็นสาย Outdoor แบบใหม่พัฒนามาให้มีโครงสร้างที่สามารถแขวนตามเสาได้ โดยไม่ต้องใช้ Sling เพราะ Sling เป็นตัวนำไฟฟ้า อาจเกิดปัญหาที่ไฟช็อตหรือฟ้าฝ่าได้ ทั่วไปต้องเป็น Double Jacket เพื่อความคงทนในการใช้งานและป้องกันการรบกวนของสัตว์
Military Gade คืออะไร?
1. MIL Grade = Military Grade เป็นมาตรฐานสำหรับสินค้าของกองทัพสหรัฐอเมริกาเป็นมาตรฐานที่สูงกว่า และมีคุณภาพ มากกว่าสินค้าโดยทั่วไป
2. Shield 95 % หมายถึง เปอร์เซ็นต์เส้นลวดที่ถักทับฉนวนของสาย เพื่อลดหรือป้องกันการรบกวนของสนามแม่เหล็ก ซึ้งปกติทั่วไป หุ้มประมาณ 65 % แต่ถ้าต้องการสินค้าที่คุณภาพสูง ๆ ต้องหุ้ม 95%
3. สาย INTERLINK RG 6/U ได้ถูกคัดเลือกให้ใช้ระบบ CCTV ในเขตพระราชฐานวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังจำนวน 30,000 เมตร อันเป็นการยืนยันคุณภาพของสาย CO-AXIAL INTERLINK ได้เป็นอย่างดี
เลือกใช้ Adapter ให้เหมาะสมได้อย่างไร
1. Adapter ของ Singlemode สามารถใช้ได้กับ Multimode และ Singlemode เพราะ Ferule ของ Singlemode จะมีความละเอียดและดีกว่า Multimode
2. หมดปัญหาสายใยแก้วหัก ขณะเข้าหัวหรือม้วนเก็บเพื่อความเรียบร้อย ใส่ในตู้หรือแผงกระจายสาย ด้วยการสวม Buffer Tube ขนาด 900 mm, ป้องกันการแตกหัก เพื่อความสะดวกและปลอดภัย สมเป็นมืออาชีพ
3. เครื่องมือ Terminate และ OTDR ราคาสุดพิเศษ เพื่อให้คุณเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง....
ความแตกต่างของ Polymer กับ Ceramic
Polymer เป็นวัสดุประดิษฐ์จาก PVC คล้าย ๆ กับพลาสติก ส่วน Ceramic ผลิตจากวัสดุ Zincronia ซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งคุณสมบัติของ Ceramic จะคงทน มีความละเอียดกว่า Polymer มาก และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และที่สำคัญที่สุดก็คือ Loss จะน้อยกว่า Polymer มาก
ชนิดของ Patch Card
Fiber Optic Patch Cord มี 3 ชนิดให้เลือก คือ
1. แบบ Simplex คือ เป็นสายเดี่ยว ๆ ซึ่งนิยมใช้ในงาน Telecom
2. แบบ Duplex คือ สายคู่ติดกัน ที่มักจะใช้ในงาน Computer แต่ก็มีบางครั้งที่นำมาใช้ระบบ Telecom
3. แบบ Pigtails คือ แบบสายเดี่ยวหรือสายเปลือย และมีหัวด้านเดียว (ลักษณะเหมือนชื่อเรียกคือ “หางหมู”)
SX กับ LX ต่างกันตรงไหน ?
การส่งสัญญาณในสายใยแก้ว จะใช้วิธีส่งผ่านความยาวคลื่น โดยหากเป็นความยาวคลื่นของสาย Multimode ที่ 850 mm จะเรียกสั้น ๆ ว่า SX (คลื่นสั้น) แต่ถ้าส่งผ่านสาย Singlemode (LX) สามารถรองรับสัญญาณได้ 2 ความยาวคลื่น (Wavalenght) โดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ส่งสัญญาณ คือ 1310 nm และ 1550 nm ดังนั้นในการที่จะขยายระยะทางให้เพิ่มขึ้นอีกมาก ๆจึงต้องใช้ Wavalenght ที่ 1550 nm อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบจากคู่มืออุปกรณ์ SWITCH และ HUB ที่ต้องการต่อพ่วงว่าใช้ Wavalenght ใด เพื่อจะได้เลือกใช้ Media Converter ที่เหมาะสม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รับจ้าง รถรับจ้างขนของ ย้ายบ้าน ทั่วไทยบริการ 24 ชม. โทรเลย! "ราคากันเอง"

รถรับจ้าง!!!   รถรับจ้างขนของ  บริการย้ายบ้าน,ย้ายออฟฟิต รถรับจ้างทั่วไป, ขนย้ายทุกรูปแบบ  ทั่วไทยในราคากันเอง!!! ฟรีประเมินราคา!!! บริการ-รถรับจ้าง รถกระบะรับจ้าง   รถ4 ล้อรับจ้าง รถ6 ล้อรับจ้าง... รถเฮี๊ยบ!!! "24 ชม." ราคาพิเศษ!!!  แผนกรถ กระบะ,4ล้อใหญ่,6ล้อ บริการ รับ ส่งของ สินค้า บริการ พนักงานยกของ บริการ ขนอุปกรณ์งานออกบูธแสดงสินค้า ต่างๆ บริการ ขนย้าย ที่อยู่อาศัย,ห้องเช่า,คอนโด,อพาร์ทเม้นต์ ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ มอเตอร์ไซด์ สิ่งของทุกประเภท เรามีรถให้บริการรองรับทุกพื้นที่ ทั่วไทย บริการ ทั่วไป กรุงเทพฯ - ต่างจังหวัด บริการ ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตลอด 24 ชม. โดยทีมงานมืออาชีพ ชำนาญเส้นทาง บริการด้วยใจ! สนใจใช้บริการ จองรถล่วงหน้า 1 วัน "ต้องมัดจำล่วงหน้ามั๊ย" ไม่ต้องมัดจำล่วงหน้า ยกเว้นงานที่ยอดบริการสูง และจองล่วงหน้านานๆ ค่ะ ส่วนการชำระเงิน ลูกค้าสามารถชำระเงินทั้งหมดให้กับคนขับรถ ได้หลังจากการขนย้ายเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ #โทรประเมินราคาได้ตลอด 24 ชม.#

รับเดินสายไฟเบอร์ออติกส์พร้อมติดตั้ง สไปสายไฟเบอร์ออฟติกส์ ตัดต่อสายไฟเบอร์ (ติดต่อเรา}

การตัดต่อสายไฟเบอร์ออฟติก,สายไฟเบอร์ออฟติก,สายเคเบิลใยแก้วนำแสง,สายไฟเบอร์ออฟติกส์ รับเดินสายไฟเบอร์ออติกส์พร้อมติดตั้ง สไปสายไฟเบอร์ออฟติกส์ ตัดต่อสายไฟเบอร์ สไปสายไฟเบอร์ออฟติกส์ Core ละ 175.- วันนี้ -ปลายเดือน กรกฎาคม 2560 คิดค่าเดินทางถ้าจำนวน Core ไม่ถึง 12core เหมาที่ 3,000บาท ในเขต กรุงเทพฯ คิดค่าเดินทางถ้าจำนวน Core ไม่ถึง 12core เหมาที่ 5,000บาท ในเขต ภาคกลาง +ตะวันออก+ตะวันตก คิดค่าเดินทางถ้าจำนวน Core ไม่ถึง 12core เหมาที่ 6,000บาท ในเขต ภาคเหนือตอนล่าง+ภาคอีสานตอนล่าง+ภาคใต้ตอนบน คิดค่าเดินทางถ้าจำนวน Core ไม่ถึง 12core เหมาที่ 8,000บาท ในเขต ภาคเหนือตอนบน+อีสานตอนบน+ภาคใต้ไม่เกิน นครศรีธรรมราช บริการรับ ตัดต่อสายไฟเบอร์ สไปสายไฟเบอร์ ( เชื่อมต่อสายไฟเบอร์ ) Splice สาย Fiber optic ใยแก้วนำแสง รับเข้าหัวสาย Fiber ด้วยเครื่อง Fujikura 70S โดยทีมงานมืออาชีพ รวมถึง รับทดสอบ สายไฟเบอร์ออฟติก OTDR Report Fiber ออก Report สาย Fiber ---------------------------------------------------------------------- *****บริการเชื่อมต่อสาย Fiber optic หรือตัดต่อสายไฟเบอร์**** - บริการเชื่อมต่อ...

เครื่องต่อสาย เชื่อมสาย ตัดสาย ไฟเบอร์ ออปติกส์รุ่นนี้นำเข้ามาจากประเทศจีน

Fujikura 70S ใหม่ ราคา 270,000 บาท Fujikura 70S มือ 2 สภาพ 99%ราคา 225,000 บาท Fujikura 70S 2 สภาพ 90% ราคา 180,000 บาท Fujikura 21S ราคา 190,000 บาท Fujikura 12S ราคา 160,000 บาท ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เครื่องต่อสาย เชื่อมสาย ตัดสาย ไฟเบอร์ ออปติกส์รุ่นนี้นำเข้ามาจากประเทศจีน เป็นสินค้าราคาถูกมาก และมีการรับประกันค่อนข้างดี ส่วนตัวเครื่องถือว่าแข็งแรง แบตเตอรี่ก้อใช้ได้นานมากเหมาะสำหรับงาน ที่เข้าสายต่อเชื่อมสาย วันละ 40-50 core